บ่อยครั้งที่เรามักจะพบว่าเด็กๆ สมัยนี้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของตนเองได้ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการไม่ได้รับการฝึกฝน หรือแก้ไขตั้งแต่เล็กๆอารมณ์ดีสร้างได้ตั้งแต่แรกเกิดธรรมชาติอารมณ์ของเด็กช่วงวัยแรกเกิด – ขวบปีแรก มีพื้นฐานอารมณ์ที่ไม่เหมือนกัน การที่ลูกน้อยอารมณ์ไม่ดี อาจเกิดจากการได้ยินเสียงบางอย่าง หรืออารมณ์ไม่ดีเวลาเห็นของบางอย่างที่เขาดูแล้วไม่เข้าใจ เช่น ตุ๊กตาไขลาน เพราะเด็กบางคนจะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ทำไมถึงเคลื่อนที่ได้ เขาก็เลยรู้สึกไม่ชอบสิ่งนั้น เป็นต้นดังนั้นพ่อแม่ต้องสังเกตอารมณ์ของลูกให้ได้ ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบการสัมผัสแบบไหน ไม่ชอบเสียงแบบไหน หรือชอบให้อุ้มท่าไหน เป็นต้น เพราะเมื่อเราเข้าใจธรรมชาติอารมณ์ของลูกน้อยแล้วสามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้อย่างเหมาะสม ลูกก็จะอารมณ์ดี รู้สึกมั่นคง และปลอดภัย อารมณ์ที่มั่นคงเป็นรากฐานก่อนที่มนุษย์จะก้าวไปสู่การเรียนรู้อื่นๆ เพราะฉะนั้น ถ้าลูกมีอารมณ์หงุดหงิดบ่อยๆ หรือซึมเศร้ามากเกินไป ต้องสังเกตว่าเกิดจากสาเหตุใด แล้วพยายามแก้ไข อย่าปล่อยให้ลูกมีอารมณ์หงุดหงิดบ่อย ต้องขจัดอารมณ์ที่ไม่ดีเหล่านี้ออกไป และตอบสนองในสิ่งที่เขาชอบ เพราะเรื่องของพัฒนาการด้านอารมณ์นั้น จะมีส่วนเชื่อมโยงในเรื่องสติปัญญาการเรียนรู้ในอนาคตด้วยค่ะ ขจัดพฤติกรรมไม่ดีของพ่อแม่ สิ่งไหนที่ทำให้ลูกหงุดหงิด หรือทำให้พัฒนาการถดถอยคุณพ่อคุณแม่ต้องรีบกำจัดออกไปจากลูกน้อยนะคะ รวมทั้งพฤติกรรมที่ไม่ดีของพ่อแม่ที่ทำให้ลูกเป็นเด็กหงุดหงิดก็ควรกำจัดออกไปด้วยเช่นกัน1. เลี้ยงลูกด้วยจอ พ่อแม่ยุคใหม่ชอบเลี้ยงลูกด้วยจอ เพราะคิดว่าจะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดี ซึ่งในความเป็นจริงแล้วจอให้โทษต่อลูกมากกว่าคุณ เด็กแรกเกิดเป็นวัยที่บอบบาง เพราะตอนที่อยู่ในครรภ์ของแม่เขาได้รับการปกป้องจากผนังมดลูกและผนังหน้า ท้อง เมื่อเขาคลอดออกมาเขาจึงยังไม่พร้อมที่จะรับสิ่งเร้าแรงๆ อย่างแสงจากทีวี หรือจออื่นๆ ซึ่งจะทำให้เด็กมีพัฒนาการถดถอย สมาธิสั้น สายตาแย่ เพราะฉะนั้น เด็กเล็กต้องเลี้ยงด้วยธรรมชาติจะดีกว่าค่ะ2. อารมณ์ไม่มั่นคง พ่อแม่ต้องมีอารมณ์ที่มั่นคง หมายถึง ถ้ารู้สึกว่าตอนนี้อารมณ์ไม่ดี พยายามให้ลูกอยู่กับคนอื่นก่อน เพื่อที่เราจะไปสงบสติอารมณ์ของตัวเองก่อน ไม่ใช่พอเห็นลูกร้อง ถ้าอารมณ์ดีก็จะเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ แต่ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็ปล่อยให้ลูกร้องไป3. บังคับให้ลูกอยู่กับสิ่งที่ไม่ชอบ แสดงว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจอารมณ์ลูก เช่น ลูกชาย กลัวตุ๊กตาหมีมาก แต่กลับต่อว่าลูกว่าไม่เป็นลูกผู้ชายเลย กลัวตุ๊กตา และบังคับให้เขาอยู่กับสิ่งที่เขากลัว ผลที่ออกมาเขาจะยิ่งมีพัฒนาการถดถอย ต่อต้าน4. ตีตราลูก โดยใช้คำพูดแบบผิดๆ ซึ่งคำพูดพ่อแม่เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าพ่อแม่พูดอะไรก็เหมือนเป็นการตีตราลูก เช่น ลูกอายุยังไม่ถึงขวบ ซนไปตามพัฒนาการของเขา แต่พ่อแม่ชอบพูดไปก่อนแล้วว่าลูกดื้อ เลี้ยงยาก ทั้งที่บางครั้งลูกก็นั่งเฉยๆ ซึ่งถ้าพ่อแม่พูดแบบนี้ ป้อนข้อมูลแบบนี้บ่อยๆ ลูกก็จะซนตามที่พ่อแม่พูด สร้างเบบี้อารมณ์ดีด้วยการ 1. ให้สัมผัสธรรมชาติ เช่น ถ้าอากาศในบ้านไม่ร้อนมาก ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ตลอด ถ้าในห้องมีแสงแดดส่องถึง ก็ไม่ต้องเปิดไฟเยอะ ให้พาลูกน้อยออกไปเดินเล่นสัมผัสธรรมชาติ อากาศที่สดชื่น ลมเย็นๆ แสงแดดอ่อนๆ บ้าง2. สังเกตลูกชอบอะไร แล้วหาสิ่งนั้นมาเล่นกับเขา ซึ่งในเด็กเล็กส่วนใหญ่จะชอบการเล่นแบบประสาทสัมผัส ดังนั้น ของเล่นจะต้องเป็นชิ้นใหญ่ๆ เห็นชัด จับแล้วมีเสียง เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านประสาทสัมผัสที่ดี3. เล่นสัมผัส เมื่อลูกน้อยเข้าสู่วัย 5-6 เดือน ลองเล่นปูไต่ ทำหน้าตลกๆ ให้ลูกดู ทำเสียงเจ๊าะแจ๊ะ หรือร้องเพลงให้ลูกฟัง หรือใช้ตัวเราเล่นกับเขาเยอะๆ อาจจะมีของเล่นบ้างนิดหน่อย ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อของเล่นแพงๆ จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแม่ลูกด้วย4. ใช้ภาษากาย อย่างการกอดสัมผัส ซึ่งเด็กในช่วงวัย 5 เดือน เขาจะเริ่มเข้าใจภาษากายแล้ว เช่น พ่อแม่ยื่นแขนออกมาทำท่าอุ้ม ลูกจะดีใจรู้ว่าแม่จะอุ้มเขาแล้ว หรือเด็กบางคนเห็นแม่เปิดเสื้อก็รู้แล้วว่าจะได้กินนมจะรู้สึกดีใจ รวมทั้งสีหน้าท่าทางที่แสดงออก ลูกก็จะเริ่มรับรู้ได้ เช่น ถ้าเขายิ้มให้แม่ แต่แม่ทำหน้าบึ้ง นิ่งเฉย ไม่ตอบสนอง ลูกจะรู้สึกตกใจ แต่ถ้าแม่ยิ้มแย้ม หน้าตาสดใส เขาจะรับรู้และอารมณ์ดีไปด้วย ลูกน้อยจะมีอารมณ์ที่มั่นคงหรือไม่นั้น คุณพ่อคุณแม่สร้างได้ในช่วงวัยนี้ ถ้าแม่อารมณ์ไม่ดี อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ และไม่ตอบสนองความต้องการของลูก เด็กก็จะมีความผูกพันกับแม่ในแบบไม่มั่นคงทางอารมณ์ ทำให้เป็นเด็กไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าที่จะสำรวจสิ่งใหม่ ไม่มีความผูกพันและไม่ไว้ใจพ่อแม่ ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการในช่วงวัยซน 2-3 ปีต่อไปค่ะ ืที่มา : ขอขอบคุณ www.rakluke.com