ไม่ว่าจะเป็นความลำเอียงจากสมาชิกคนไหนในครอบครัว ก็ส่งผลร้ายให้ลูกทั้งนั้น เพราะเด็กวัยใกล้ 3 ขวบ มักมีอารมณ์อ่อนไหว แสนงอน ยิ่งไปเจอช่วงที่แกกำลังวีน เพื่อจะแสดงความเป็นตัวของตัวเอง ถามอะไรก็ตอบแต่ "ไม่ " คงดูไม่น่ารักในสายตาผู้ใหญ่เมื่อเทียบกับ เจ้าตัวเล็กที่นอนแบเบาะอยู่ ผู้ใหญ่หลายคนจึงชอบพูดว่า "ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลย ...ไม่รักแล้ว รักน้องดีกว่า"
อย่าดูถูกความจำเด็ก เด็กวัยนี้เริ่มจำได้แล้วว่าใครพูดอะไรบ้าง ย้อนกลับไปลองดูว่ามีเหตุการณ์ไหนบ้าง ที่คุณรู้สึกว่าพ่อแม่ของคุณลำเอียงสุดๆ แต่ที่คุณผ่านมาได้ เพราะคุณได้ประจักษ์ในความรักของพ่อแม่ และปมในใจได้ถูกคลี่คลายไปแล้วต่างหาก แล้วถ้าปมในใจไม่ได้ถูกคลี่คลาย ก็อาจจะนำไปสู่บุคลิกภาพและอารมณ์ทางด้านร้ายของลูกได้จากความลำเอียงสู่ปม ในใจ
-
-
- เกิดความคับข้องใจ หรือติดอยู่ในหัวใจ หากแกระบายออกบ้าง คงไม่เป็นไร ถ้าลูกไม่รู้จะระบายออกอย่างไร อาจทำให้เก็บกดแบบสะสม และนำไปสู่พฤติกรรมก้าวร้าวในที่สุด
- ขาดความมั่นใจในตัวเอง จากคนเคยเป็นที่รัก กลับไม่มีใครเหลียวแล อย่างนี้จะไม่ให้ขาดความมั่นใจได้อย่างไร
- ไม่เห็นคุณค่าตนเอง ลูกจะเติบโตมาโดยที่เชื่อว่า น้องดีและเก่งกว่าตัวเองเสมอ ยิ่งถ้าพ่อแม่สอนให้ยอมน้องทุกเรื่อง ลูกจะกลายเป็นคนขี้ใจน้อยและทำในสิ่งที่เรียกว่าไม่รักตัวเองได้ง่าย เช่น ยอมติดยาเพราะเพื่อนทำให้เขารู้สึกมีคุณค่า
- เรียกร้องความสนใจ ในกรณีนี้ลูกจะไม่แสดงออกโดยการโวยวาย อาละวาด หรือก้าวร้าว ตรงกันข้ามเขาจะใช้ความอ่อนแอขอความเห็นใจแทน เช่น ดูท่าทางเป็นเด็กไม่แข็งแรง ป่วยง่าย มีอาการปวดหัวบ่อยๆ
ความลำเอียงที่ไม่ตั้งใจ
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่รักลูกอยู่แล้ว แต่อาจมีพลั้งเผลอไปบ้าง จนดูเหมือนลำเอียงเพราะ...
-
-
- พ่อแม่ส่วนใหญ่มักสอนให้พี่ยอมน้อง เพราะน้องตัวเล็กกว่าและดูแลตัวเองไม่ได้
- ปู่ย่าตายายและญาติผู้ใหญ่ ชอบเห่อลูกหลานแรกคลอด นัยว่าเป็นการรับขวัญเจ้าตัวน้อย แต่เจ้าวัยเตาะแตะแกไม่รู้ด้วยว่า หนูก็เคยถูกเห่อด้วยเหมือนกัน เพราะจำไม่ได้แล้ว
- การเปรียบเทียบระหว่างพี่น้อง โดยไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ไปสะกิดใจน้องหนู เช่น พัฒนาการการเรียนรู้ หน้าตา หรือความเชื่อที่ว่าลูกคนไหนนำโชคมากกว่ากัน
- พัฒนาการที่น่ารัก น่าหมั่นไส้ของเด็กวัยนี้ จนทำให้คะแนนนิยมตก
- อารมณ์แห่งความวุ่นวาย โดยเฉพาะช่วง 2 ขวบ ถึง 2 ขวบครึ่ง จะต้องการความเป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง ขณะเดียวกันก็กลัวการแยกจาก
- น้องหนูวัย 2 ขวบครึ่งไปแล้ว จะทำอะไรที่เป็นเหตุให้ต้องโดนดุบ่อยๆ เช่น หวงของส่วนตัว เช่น ไม่ยอมใก้ใครมานั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งของแก
12 วิธีคลายปมในใจลูก
-
-
- ให้เวลา คุณปู่คุณย่าสัก 1-2 เดือน ท่านน่าจะพอรู้ตัวเองบ้าง
- หาทางบอกญาติผู้ใหญ่ตามตรงว่าอย่าเห่อหลานคนเล็กจนหลานคนแรกหงอย
- ถ้าคุณไม่กล้าเพราะเป็นญาติผู้ใหญ่ข้างสามี ก็ให้คุณพี่สามีเป็นคนบอกเสียเอง
- ให้โอกาสหลานอยู่ตามลำพังกับคุณปู่คุณย่า แล้วคุณก็พาเจ้าตัวเล็กชิ่งหลบไปก่อน เพื่อน้องหนูจะได้รู้ว่าคุณปู่คุณย่ายังรักแกอยู่
- หาโอกาสให้ได้อยู่พร้อมหน้ากัน แทนที่จะต่างคนต่างแยกกิจกรรมกันทำ เพื่อให้ลูกคนโตได้แสดงบทฮีโร่ดูแลน้องบ้าง
- เพิ่มความมั่นคงทางอารมณ์ให้ลูก ด้วยท่าทางสัญลักษณ์ที่ทำให้รู้ว่าคุณยังรักแกอยู่ เช่น โอบกอด หอมแก้มก่อนนอน หรืออื่นๆ ที่คุณเคยทำเป็นประจำ
- ให้คำชมเชยเมื่อลูกทำอะไรได้เอง เพื่อป้องกันพฤติกรรมถดถอย
- อย่าพูดเล่าความผิด หรือเรื่องหน้าแตกของลูกต่อหน้าธารกำนัลบ่อยนัก และเห็นเป็นเรื่องตลกประจำวงสนทนา เพราะน้องหนูเขารู้ความแล้วค่ะ
- เปิดโอกาสให้ลูกได้ระบายความในใจบ้าง โดยไม่เอาเรื่องเหตุผลและความถูกต้องมาเป็นเครื่องปิดกั้น เช่น ถ้าลูกบอกเกลียดคุณปู่ ก็ถามว่าทำไมเกลียด หากแกใช้คำไม่สุภาพบ้างอย่าขัดจังหวะหรือเทศนาช่วงนี้ ปล่อยให้แกพูดให้หนำใจก่อน
- คุ้ยภาพถ่ายสมัยแกยังเป็นขวัญใจประจำบ้านมาเป็นหลักฐาน พร้อมอธิบายว่า " เด็กเล็กแรกคลอด ต้องมีการรับขวัญเป็นธรรมดา ตอนหนูเกิด ทุกคนก็รับขวัญหนูนะ "
- ถ้าเห็นว่าไม่สามารถทำให้คนในครอบครัวเข้าใจได้ คุณคือกุญแจดอกสำคัญ ในการให้ความรักทดแทน แต่ให้ระวังเรื่องการให้ท้ายด้วยนะคะ
- อย่าสอนลูกให้ยอมน้องด้วยเหตุผลเพราะเขาเป็นน้อง แต่ควรมีคำพูดอื่นด้วยเช่น " น้องยังทำเองไม่เป็น ถ้าลูกช่วยน้อง อีกหน่อยน้องต้องทำเองเป็น " และคุณควรแสดงบทตุลาการบ้าง เมื่อน้องเป็นคนทำผิดเสียเอง
คงต้องมีสักครั้ง ที่เข็มตาชั่งในใจคุณอาจสั่นเอียงไปบ้าง (แม้ไม่ได้ตั้งใจ) เมื่อไหร่ที่นึกขึ้นได้ รีบนำเข็มนั้นกลับมาตรงกลางเถอะค่ะ เพื่อลูกจะได้มีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดีต่อไป
ที่มา : ขอขอบคุณ www.http://www.rakluke.com/